รีวิวหนัง อนงค์ My Boo และแล้วก็ถึงเวลาเปิดตัวโปรเจ็กต์หนังเรื่องแรกของสตูดิโอหนังน้องใหม่แห่งวงการหนังไทยอย่าง Carman Line และ Jangka Studio ที่เป็นเสมือนการเบี่ยงเบนความสนใจจากอาณาจักร Workpoint โดยเริ่มด้วย “อนงค์” หนังไทยชื่อเก่าแต่เต็มไปด้วยความสยองขวัญแบบน่ารัก พร้อมโทนโรแมนติกคอมเมดี้ที่คนดูจะหลงได้ง่ายตลอด 2 ชั่วโมงเต็ม อนงค์ เป็นเรื่องราวของโจ้ เกมเมอร์หนุ่มเคราะห์ร้ายที่สืบทอดบ้านที่มีผีของเจ้าของเก่าอย่างอนงค์อยู่ด้วย แต่ผู้คนก็ไม่หนีและผีก็ไม่ยอมไปเช่นกัน ผู้คนและผีจึงจับมือกันเปิดบ้านผีสิงให้ผู้คนเข้ามาเล่น และเราจะได้เห็นความน่ารักของผีในบ้านนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน จนความรักที่ไม่มีวันเกิดขึ้นได้เริ่มต้นขึ้น
นี่คือการกลับมาสู่สังเวียนอีกครั้งในรอบกว่าสิบปี หรืออาจจะเกือบ 20 ปี ของผู้กำกับ “เอส คมกฤช” ที่ลาออกจากงานภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายตั้งแต่สายลับจับบ้านเล็ก กับ GTH ในปี 2550 ก่อนจะหันมากำกับซีรีส์และละครไทย ดังนั้นการกลับมาครั้งนี้คงต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่ในแง่ของไหวพริบในภาพยนตร์ เราก็ยังไว้ใจเขาได้ในระดับหนึ่ง
อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ เอส คมกฤช ต้องพักทักษะของเขาไว้บ้าง เพราะไม่ได้ทำภาพยนตร์จริงจังมานาน แต่สำหรับอนงค์ อย่างน้อยสไตล์ของภาพยนตร์เรื่องนี้และสไตล์ของเอสก็ยังถูกนำมาใช้ได้อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะในสไตล์ของภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้ของผู้กำกับคนนี้ ซึ่งมักจะเล่ารายละเอียดความสัมพันธ์ในกระบวนการเกี้ยวพาราสีที่น่ารัก ณ จุดนี้ มันยังทำออกมาได้ในแบบที่ควรค่าแก่การชื่นชม
ด้านผกก รีวิวหนัง อนงค์ My Boo
อย่างไรก็ตาม การห่างหายจากการทำภาพยนตร์ไปนานทำให้บางส่วนรู้สึกเฉื่อยชาเกินไป อาจเป็นเพราะเขาเคยชินกับการทำซีรีส์มาเป็นเวลานานจนลืมที่จะทำให้หนังกระชับขึ้นอีกนิด ทำให้โทนการเล่าเรื่องในหนังดูจืดลงบ้าง และอารมณ์ก็อาจจะสั้นลงได้ ไม่จำเป็นต้องเฉื่อยชาเกินไปในฉากพิธีรีวิวหนัง อนงค์ My Boo
ในแง่ของบทหนัง หนังเรื่องนี้ไม่มีอะไรใหม่ แต่ได้รับการพัฒนาและถ่ายทอดออกมาได้น่าสนใจและน่าติดตามพอสมควร พล็อตเรื่องคนรักผีเป็นเรื่องปกติในละครและภาพยนตร์ไทยอยู่แล้ว แต่หนังเรื่องนี้สามารถนำพล็อตเรื่องธรรมดาๆ มาผูกเข้ากับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความน่ารักของความรักที่แทรกซึมไปทั่วทั้งเรื่อง โดยใช้รูปแบบโรแมนติกคอมเมดี้ที่เรียบง่ายที่เข้าใจง่ายและน่าติดตาม เราต้องยกความดีความชอบให้กับทีมงานสร้าง
องค์ประกอบการผลิตของหนังเรื่องนี้ถือว่าดี งานการผลิตและการออกแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ประกอบฉาก แสง สี หรือสถานที่ต่างๆ ถือว่าเลือกมาได้ดี แม้ว่าจะไม่มีอะไรใหม่เลยก็ตาม ฉากของบ้านผีสิงจากบ้านเก่าถือว่าน่าพอใจ แม้ว่างาน CG ของหนังเรื่องนี้จะไม่ค่อยราบรื่นนัก แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาที่ขัดกับอารมณ์และรสนิยมของคุณ ถือเป็นสิ่งที่มองข้ามได้และคุณก็สามารถเพลิดเพลินไปกับหนังเรื่องนี้ได้
สรุป
และแน่นอนว่าจุดเด่นของหนังเรื่องนี้อยู่ที่นักแสดงที่นำโดยตัวเอกที่มีชื่อเดียวกับหนังอย่าง “โบว์ เมลดา” ซึ่งดูเหมือนว่าบทนี้ถูกสร้างมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ ไม่รู้จะหานักแสดงสาวในยุคนี้ที่เหมาะกับบทนี้ได้ที่ไหนอีก เพราะโบว์ทำได้และทำได้ดีด้วย เปลี่ยนความกลัวให้กลายเป็นความน่ารักได้ในทุกฉาก ใครจะคิดว่าความน่ารักของสาวคนนี้จะยอดเยี่ยมได้ขนาดนี้ เชื่อว่าคนดูจะต้องตกหลุมรักเสน่ห์ของเธอได้ง่ายๆ พูดได้เลยว่าพวกเขาจะตกหลุมรักเธอแน่นอน…
“จีจี้ สุทธิรักษ์” ก็พิสูจน์ฝีมือการแสดงของเขาได้อย่างดีว่าเขาสามารถเล่นได้หลากหลายบทบาท เพราะในหนังเรื่องนี้ในโหมดโรแมนติก-คอมเมดี้ เขาจัดการมันได้ดี แม้ว่ามิติของตัวละครตัวนี้จะไม่ตื้นเขินมากนัก แต่เขาก็แสดงได้เต็มที่และเข้าใจอารมณ์ของตัวละครได้อย่างเหลือเชื่อ แม้จะไม่ใช่ผลงานคลาสสิคของเขา แต่ก็สามารถพูดได้ว่าเขาแสดงได้ดี
ส่วนนักแสดงสมทบที่ขโมยซีนก็ไม่มีใครยอมใคร คนที่คนดูน่าจะประทับใจและแอบเซอร์ไพรส์อยู่ไม่น้อยก็คือ “ธาม ธรรมไท” ที่ขโมยซีนได้แซ่บมาก และแสดงออกมาได้ดีเกินคาดมาก ส่วน “แจ๊ค เฉลิมพล” และ “ฝน มอนสเตอร์ ฝน” ก็เข้ามาเป็นการ์ดฉากด้วยจังหวะที่ดีและลงตัวในหลายๆ ฉาก หลายๆ สีสันก็เข้ากับหนังได้อย่างลงตัวรีวิวหนัง อนงค์ My Boo
สรุปแล้ว อนงค์ ถือเป็นหนังแนวโรแมนติกคอมเมดี้ผสมสยองขวัญที่น่ารักมากกว่าน่ากลัว เป็นหนังที่น่าจะดึงคนดูได้ในซีซั่นนี้ แม้ตัวหนังจะไม่มีอะไรใหม่ แต่เนื้อเรื่องก็เดาง่าย ความเข้มข้นของหนังยังขาดๆ อยู่บ้าง ความเป็นมืออาชีพและเคมีของนักแสดงก็ระเบิดพลังออกมาช่วยหนังเรื่องนี้ได้ค่อนข้างดี เปิดบ้านผีสิงต้อนรับคนดูแบบเหนือความคาดหมายเล็กน้อย ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือหนังไทยอีกเรื่องที่มีจังหวะที่ดีและเป็นหนังที่คลายเครียดอารมณ์คนดูได้ดีมาก